ให้ลูกใช้ บัตรเครดิต ดีไหม

คุณพ่อคุณแม่ที่ต้องการฝึกให้ลูกรู้จักสร้างวินัยทางการเงิน หรือรู้จักการบริหารเงินให้เป็น ด้วยวิธีการต่าง ๆ หนึ่งในนั้นคือการมอบบัตรเครดิตให้ลูกนำไปใช้ ซึ่งพ่อแม่ฝั่งตะวันตกมักจะใช้วิธีนี้ แต่สำหรับชาวไทยนั้นจะเวิร์กไหม ลองมาดูกัน!

บัตรเครดิต เป็นอีกเครื่องมือทางการเงินที่ช่วยให้คนเราสามารถทำธุรกรรมการเงินต่าง ๆ ที่ควบคุมการเงินได้ง่ายและสะดวกมากขึ้น พร้อมกันนี้ยังมีสิทธิประโยชน์ โปรโมชั่นต่าง ๆ อีกมากมายที่ผู้ถือบัตรเครดิตเท่านั้นที่จะได้รับ แต่การจะให้เด็ก ๆ เป็นผู้ถือบัตรเครดิตนั้น ก็มีทั้งข้อดีและข้อเสียที่พ่อแม่ควรเข้าใจและระวังให้ดี
ให้ลูกถือบัตรเครดิต ดียังไง ?

สร้างประวัติทางการเงินตั้งแต่อายุยังน้อย

การที่ลูกได้ถือบัตรเครดิตตั้งแต่ยังอายุน้อย ทำให้สามารถเริ่มต้นสะสมคะแนนเครดิตได้ไวขึ้น เมื่อโตขึ้นจนสามารถสมัครบัตรเครดิตเป็นของตนเองได้แล้ว คะแนนเครดิตที่สะสมเอาไว้ตั้งแต่ตอนที่อายุน้อย จะช่วยให้การทำธุรกรรมการเงิน เช่น การกู้สินเชื่อ ได้รับการอนุมัติง่ายขึ้นด้วย

ฝึกบริหารการใช้เงิน

การใช้บัตรเครดิตจะช่วยให้ลูกรู้จักบริหารเงินให้เป็น เพราะวงเงินในบัตรเครดิตมีจำกัด จึงต้องมีการวางแผน เพื่อไม่ให้ใช้จ่ายจนเกินวงเงิน ลูกจึงได้ฝึกการบริหารเงิน ได้รู้จักคุณค่าของเงินมากขึ้นและใช้เงินอย่างมีความรับผิดชอบเมื่อเติบโตขึ้น

สะดวกมากขึ้น

ในยุคที่กำลังจะก้าวเข้าสู่การเป็น “สังคมไร้เงินสด” เพราะการพกเงินสดนั้นมีความเสี่ยงที่เกิดอันตรายมากกว่า การพกบัตรเครดิตจึงปลอดภัยและสบายใจกว่า ลูกจะได้ไม่ตกเป็นเป้าของเหล่ามิจฉาชีพ และยังสามารถใช้จ่ายได้สะดวกอีกด้วย

ประวัติหนี้เสียของพ่อแม่

บัตรเครดิตที่ลูกถือนั้นยังเป็นชื่อของคุณพ่อหรือคุณแม่ เพราะฉะนั้น พ่อหรือแม่จะต้องเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายจากการใช้บัตรเครดิตที่ลูกถือ ถ้าลูกเอาไปใช้ในทางที่ไม่ดี ก็อาจส่งผลต่อประวัติเครดิตของพ่อแม่

ใช้เงินเกินตัว

การใช้บัตรเครดิตอาจทำให้ลูกไม่สามารถประมาณการใช้เงินของตนเองได้ หากไม่วางแผนให้ดีอาจใช้จ่ายเพลินจนเกินตัว และเมื่อใช้เกินวงเงิน ต้องเสียทั้งดอกเบี้ยและค่าปรับแล้วล่ะก็เดือดร้อนถึงพ่อแม่แน่นอน

ไม่ออมเงิน

การใช้บัตรเครดิตคือการเอาเงินในอนาคตมาใช้ก่อน แล้วค่อยจ่ายคืนในภายหลัง ซึ่งการให้ลูกใช้จ่ายผ่านบัตร โดยที่พ่อแม่เป็นผู้ดูแลเรื่องบิลค่าใช้จ่ายอีกทีนั้น อาจทำให้ลูกไม่เห็นถึงความสำคัญของการเก็บออมเงิน เพราะสามารถนำเงินจากอนาคตมาใช้ได้ตลอด

โดยปกติแล้ว ผู้ที่สามารถสมัครบัตรเครดิตได้ จะต้องมีอายุ 21 ปี ขึ้นไปเท่านั้น ซึ่งเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด หากลูกของคุณยังมีอายุน้อยกว่าที่กำหนด คุณสามารถสมัครบัตรเครดิตแล้วทำบัตรเครดิตเสริมเพื่อให้ลูกนำไปใช้ได้ โดยบัตรเครดิตเสริมนั้น ผู้ที่มีอายุ 15 ปีขึ้นไป ก็สามารถถือได้แล้ว

แต่ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการให้ลูกใช้บัตรเครดิตนั้น จะขึ้นอยู่กับการพิจารณาของพ่อแม่ เพราะคุณเป็นผู้ที่ใกล้ชิดลูกมากที่สุด ลองพิจารณาดูว่าลูกโตพอที่จะรับผิดชอบการใช้เงินของตนเองได้หรือยัง และควบคุมตนเองได้มากแค่ไหน ซึ่งสิ่งเหล่านี้สามารถสังเกตได้จากนิสัยการใช้จ่ายที่ผ่านมา และพฤติกรรมการซื้อของเมื่อไปห้างสรรพสินค้าด้วยกัน ลองใช้เวลาสังเกตดูว่าลูกของคุณมีความพร้อมมากพอที่จะใช้บัตรเครดิตได้หรือยัง

ทั้งนี้ การจะพิจารณาจึงไม่ได้ขึ้นอยู่กับอายุของลูกเพียงอย่างเดียว แต่ต้องพิจารณาทั้งวุฒิภาวะและพฤติกรรมการใช้เงินรวมถึงนิสัยส่วนตัวบางอย่างที่อาจมีผลต่อการใช้เงินด้วย ซึ่งคนเป็นพ่อแม่ควรให้ความสำคัญกับการสังเกตลูกอยู่อย่างสม่ำเสมอ

เลือกบัตรเครดิตวงเงินไม่สูง

เลือกบัตรเครดิตที่วงเงินไม่สูงมาก เพื่อไม่ให้ลูกรู้สึกชะล่าใจกับการใช้บัตรเครดิตมากจนเกินไป หรืออีกวิธีหนึ่งคือการจำกัดวงเงินของบัตรเสริม (ใบที่ให้ลูกถือ) โดยคุณสามารถแจ้งกับธนาคารเจ้าของบัตรเพื่อดำเนินการได้เลย

สร้างข้อตกลงการใช้บัตร

เมื่อตัดสินใจแล้วว่าจะให้ลูกใช้บัตรเครดิต พ่อแม่ควรมีการพูดคุยเพื่อสร้างข้อตกลงกันระหว่างพ่อแม่ลูก ถึงเรื่องการใช้บัตรเครดิต เพื่อไม่ให้ลูกใช้จ่ายจนเกินตัว โดยอาจจะตกลงกันว่าถ้าใช้จ่ายเกินที่กำหนด อาจจะต้องถูกปรับลด หรือถ้าบริหารได้ดี ก็จะขยายวงเงินให้ ขึ้นอยู่กับความต้องการของคุณพ่อคุณแม่เลย

คุยเรื่องเงินกับลูกบ้าง

พ่อแม่ส่วนใหญ่มักจะคิดว่าเรื่องเงินเป็นเรื่องของผู้ใหญ่ จึงเลี่ยงที่จะพูดคุยเรื่องเงินกับลูกที่ยังอายุน้อย แต่ถ้าต้องการให้ลูกใช้บัตรเครดิต ก็ควรที่จะให้ลูกคุ้นเคยกับเรื่องเงิน โดยเฉพาะเรื่องการใช้เงินของบ้าน เพื่อให้ลูกรู้ว่าพ่อแม่ต้องใช้จ่ายค่าอะไรบ้าง และตัวลูกเองมีนิสัยการใช้เงินเป็นอย่างไร เพื่อให้ลูกเรียนรู้การบริหารเงินจากพ่อแม่ พร้อมกับเรียนรู้วิธีการใช้เงินแบบผู้ใหญ่ไปด้วย

รวมเทคนิคสำหรับการพบปะเพื่อทำธุรกิจ ให้สำเร็จมากยิ่งขึ้น !

เทคนิคของการเพิ่มโอกาสความสำเร็จในการทำธุรกิจ !

” ผู้ชายที่ไม่มีหน้ายิ้มต้องไม่เปิดร้าน ” หรือเพื่อสุภาษิตจีน แท้จริงแล้วการยิ้มไปไกลเพื่อให้แสงสว่างในอารมณ์ของการสนทนาที่เป็นมิตรและเข้าใจมากขึ้น นี่เป็นเรื่องจริงในธุรกิจเช่นกันโดยเฉพาะเมื่อพยายามสร้างพันธมิตรทางธุรกิจ อย่างไรก็ตามมีมารยาททางธุรกิจมากกว่าการยิ้มและแสดงให้เห็นว่าสิ่งเหล่านี้จะแสดงให้คนอื่นเห็นว่าลูกค้าและธุรกิจของคุณควรเคารพ

  • การจับมือกันทักทานกันด้วยความเต็มใจ

วิธีที่นักธุรกิจจับมือกันบ่อยกว่าไม่ได้กำหนดเสียงระหว่างพวกเขา การจับมือที่ดีมั่นคงจะสร้างความประทับใจแรกที่ดีเพราะในที่สุดมันก็อาจกลายเป็นหุ้นส่วนธุรกิจที่ประสบความสำเร็จได้ หากคุณเป็นเจ้าภาพหรือสมาชิกอาวุโสคุณควรเป็นผู้ริเริ่มการจับมือกัน

  • การมีมารยาทในการนั่งประชุม

ไม่ว่าการประชุมจะอยู่ในร้านอาหารหรือในสำนักงานในกลุ่มหรือแบบตัวต่อตัวจะเป็นการดีที่สุดที่จะไม่ดึงเก้าอี้ออกมาสำหรับใครก็ตาม ในการตั้งค่าธุรกิจทุกคนควรละเว้นกฎเพศสังคมและปฏิบัติต่อทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน เมื่อนั่งห้ามข้ามขาเพราะอาจทำให้เสียสมาธิและไม่สุภาพ

  • แต่งกายให้ถูกต้องตามลักษณะ

วิธีที่คนแต่งตัวเป็นรูปแบบของการสื่อสารอวัจนภาษา การแต่งกายที่เหมาะสมสำหรับการประชุมจะแสดงสัญญาณแห่งความเคารพโดยอัตโนมัติสำหรับแขกหรือโฮสต์ นอกจากนี้ให้ตรวจสอบการแต่งกายสำหรับเหตุการณ์เสมอเนื่องจากบางเหตุการณ์อาจต้องการชุดที่เป็นทางการมากหรือน้อย

  • เก็บหรือปิดโทรศัพท์มือถือไว้ในกระเป๋าของคุณ

อย่าวางโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะประชุมและอย่าใช้ในระหว่างการประชุม รับเฉพาะการโทรที่มีความเร่งด่วนและขอโทษด้วยตัวคุณเองจากการประชุมและรับสายนอกเพื่อที่คุณจะได้ไม่รบกวนการประชุม

  • การพูด ขอบคุณ และ ขอโทษ ด้วยความเต็มใจ

คำพูดทั้งสองนี้แสดงความสุภาพในการสนทนาใด ๆ และเป็นสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าในการทำงานระดับมืออาชีพ การพูดว่า “ได้โปรด” สามารถใช้ได้มากเท่าที่ต้องการ อย่างไรก็ตาม “ขอบคุณ” ควรใช้หนึ่งหรือสองครั้งเนื่องจากการพูดหลายครั้งเกินไปอาจส่งผลกระทบน้อยลง ให้มากที่สุดขอบคุณทุกคนหลังจากการประชุม

  • อยู่อย่างมีสติ

นักธุรกิจสูญเสียชื่อเสียงและอาชีพเนื่องจากพฤติกรรมขี้เมา แม้ว่าจะไม่ได้พูดหรือทำอะไรเลยในขณะที่เมาเหล้า แต่ก็เป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่าไม่ได้เคารพต่อทั้งเจ้าภาพหรือแขก อย่าทำให้ตัวเองหรือธุรกิจของคุณอับอาย รู้ข้อ จำกัด ของคุณและควบคุมจังหวะของคุณ

  • ให้ความสนใจในการประชุม

สบตากันเสมอในการสนทนาและตรวจสอบให้แน่ใจว่าใส่ใจทุกรายละเอียดที่แขกพูด ใช้เวลาซักถามเพื่อแสดงให้เห็นว่าคุณฟังและสนใจ

  • การเข้าตรวจสอบอีเมลตลอด

ความผิดพลาดง่าย ๆ สามารถทำให้การประชุมล้มเหลวหรือทำข้อตกลงได้ คุณอาจมีวันที่และเวลาไม่ถูกต้องสำหรับการประชุมออกเอกสารบางอย่างที่จะลงนามหรือแย่กว่านั้นอีเมลของคุณถูกส่งไปยังคนที่ไม่ถูกต้องและอาจเป็นอันตรายต่อ บริษัท

  • ทักทายทุกคนในที่ประชุม

ไม่ว่าอาวุโสจะทักทายคนอื่นเสมอ คุณอาจไม่มีทางรู้ว่าเขาอาจเป็นหุ้นส่วนธุรกิจรายต่อไปของคุณ เมื่อมีคนมาทักทายคุณมันเป็นเรื่องสำคัญที่คุณต้องทักทายกลับ

  • การมีใบหน้าที่ยิ้มแย้มตลอดเวลา

เช่นเดียวกับสุภาษิตจีนการยิ้มทำงานอย่างมหัศจรรย์ในทุกโอกาสไม่ว่าจะเป็นการประชุมระหว่างการแนะนำหรือในการพบปะสังสรรค์ทางธุรกิจ