การขายเหล็กแต่ละประเภทและคุณสมบัติ

เหล็ก คือ โลหะผสมของธาตุเหล็ก ธาตุคาร์บอน ธาตุแมงการ์นีส และสารเจืออื่นๆ ในปริมาณเล็กน้อย ที่มนุษย์ขายเหล็กนำมาใช้ประโยชน์ในต่างๆ โดยเฉพาะในวงการก่อสร้าง การขายเหล็กนั้นมีหลายประเภทและมีคุณสมบัติแตกต่างกัน โดยสามารถแบ่งเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ “เหล็กหล่อ” และ “เหล็กกล้า”

เหล็กหล่อ (Cast Iron) คือเหล็กที่้เกิดจากการนำแร่ธาตุเหล็กมาผสมกับองค์ประกอบอื่นๆ แล้วหล่อออกมาให้เป็นรูปทรงต่างๆ มีคุณสมบัติทั้งแข็งและยังเปราะได้ในเวลาเดียวกัน แต่ไม่สามารถเปลี่ยนรูปทรงได้ด้วยวิธีการอื่น แบ่งเป็นหลายประเภท เช่น เหล็กหล่อขาว, เหล็กหล่อเทา, เหล็กหล่ออบเหนียว ฯลฯ

เหล็กกล้า (Steel) คือ เหล็กที่มีความเหนียวและยืดหยุ่นตัวสูง สามารถนำมาขายเหล็กแปรรูปร่างได้ตามต้องการ จึงทำให้มีผู้นิยมนำมาใช้ประโยชน์มากกว่าเหล็กหล่อ โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมต่างๆ หรือการก่อสร้าง แบ่งเป็น 2 ประเภทคือ “เหล็กกล้าคาร์บอน” และ “เหล็กกล้าผสม”

สำหรับการขายเหล็กกล้าที่นิยมมาแปรรูปเพื่อใช้ในวงการอุตสาหกรรมมีด้วยกัน 3 ประเภทหลักๆ คือ “เหล็กเส้นคอนกรีต”, “เหล็กรูปพรรณ” และ “ลวดเหล็ก” โดยในบทความนี้จะกล่าวถึงเพียง 2 ประเภทแรกคือ “เหล็กเส้นคอนกรีต” และ “เหล็กรูปพรรณ”

  • เหล็กเส้นคอนกรีต (Reinforced concrete หรือ Ferro concrete) คือ เหล็กเส้นที่ใช้เป็นส่วนประกอบของโครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็ก ปกติจะเป็นเหล็กกล้าชนิดท่อน ชนิดเส้น หรือชนิดตะแกรง ฝังในลักษณะที่ทำให้เหล็กและคอนกรีตร่วมกันต้านทานต่อแรงต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับคอนกรีตได้ โดยแบ่งได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ “เหล็กเส้นกลม” (Round Bar) และ “เหล็กข้ออ้อย” (Deformed Bar)
  • เหล็กเส้นกลม (Round Bar) คือ เหล็กเส้นที่มีพื้นที่ภาคตัดขวางเป็นรูปกลม มีผิวเรียบเกลี้ยง ตามมาตรฐาน มอก. 20-2527 ทำจากเหล็กแท่งเล็ก (billet), เหล็กเส้นใหญ่ (bloom) หรือ เหล็กแท่งหล่อ (ingot) ด้วยกรรมวิธีรีดร้อนโดยไม่ผ่านการแปรรูปใดๆ มาก่อน เหล็กเส้นกลมมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางตั้งแต่ 6, 9, 12, 15, 19, 22, 25, 28 และ 34 มิลลิเมตร มีความยาว 10 หรือ 12 เมตร มีชั้นคุณภาพเดียว คือ SR 24 ชื่อขนาด ใช้สัญลักษณ์ RB แล้วตามด้วยขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางของเหล็กเส้นนั้นๆ สำหรับโลหะเจริญค้าเหล็กนั้นจัดจำหน่ายเหล็กเส้นกลมที่ได้รับการรับรองมาตรฐานอุตสาหกรรมทั้งของในประเทศและต่างประเทศ มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางตั้งแต่ 6 – 25 มิลลิเมตร มีความยาว 10 เมตร https://smksteel.com/

หลักสำคัญที่ใช้ในการเลือกเก้าอี้สำนักงาน

สำหรับหลักสำคัญที่ใช้ในการเลือกเก้าอี้สำนักงานมีอยู่ด้วยกัน 7 ข้อดังนี้

เก้าอี้ต้องสามารถปรับอิริยาบถได้ เพราะเก้าอี้ที่ดีต้องสามารถรองรับการ
เคลื่อนไหว ปรับเปลี่ยนท่าทางในการนั่งได้สะดวก และคล่องตัว โดยเราอาจเลือกเก้าอี้ที่สามารถหมุนโยก หรือสามารถปรับเอนได้ แต่หากเป็นเก้าอี้ที่ปรับเปลี่ยนไม่ได้ เมื่อเราต้องนั่งเป็นระยะเวลานาน อาจจะทำให้หมอนรองกระดูกสันหลังเสื่อมสภาพได้เร็ว
ควรเลือกเก้าอี้ที่มีพนักพิงและความลาดที่พอเหมาะ เพราะในการนั่งเก้าอี้
สำนักงาน ที่ยาวนาน โดยไม่มีพนักพิงจะส่งผลเสียต่อกล้ามเนื้อส่วนหลัง ทั้งนี้พนักพิงที่ดีควรมีลักษณะเอนไปด้านหลังเพียงเล็กน้อย ซึ่งเบาะรองนั่งกับพนักพิงควรอยู่ที่ประมาณ 110 องศา และพนักพิงที่ดีนั้นควรมีความสูงระดับไหล
ควรตรวจสอบน้ำหนักของเก้าอี้ก่อนเลือกซื้อ เพราะเก้าอี้สำนักงาน ที่ดีและได้
มาตรฐานจะต้องมีน้ำหนักที่หนักที่เหมาะสม และหนักพอสมควร และจะต้องมีฐานล้อที่กว้างกว่าลำตัว เพื่อรองรับน้ำหนักของผู้นั่งได้ดี เวลาที่ถ่ายเทน้ำหนักไปด้านหลังหรือมีการพิงไปด้านหลัง โดยใช้น้ำหนักตัวจะไม่ทำให้เก้าอี้ล้มไปด้านหลัง ซึ่งจะทำให้เกิดอันตรายแก่ผู้นั่ง ดังนั้นเวลาเลือกซื้อเราจะต้องลองนั่ง แล้วเอนหลัง เก้าอี้ที่ได้มาตรฐาน เพราะเวลาเอนตัวสุดเหมือนเกือบจะนอนได้ถือว่าเป็นเก้าอีกที่ดีและปลอดภัย
ควรเลือกเก้าอี้ที่มีการบุวัสดุด้านใน และวัสดุที่บุด้านในควรต้องเบา ซึ่งวัสดุที่ใช้
ดีที่สุดคือ “ฟองน้ำ Memory Foam” ซึ่งมีคุณสมบัติเหมือนกับฟองน้ำที่นิยมใช้ทำเตียงราคาสูง ซึ่งวัสดุดังกล่าวจะสามารถป้องกันการกดทับของเส้นเลือดที่ขาจากการที่ต้องนั่งเป็นระยะเวลานานๆ ได้ ซึ่งจะทำให้เลือดไหลเวียนได้ดี สำหรับวัสดุที่ใช้หุ้มเก้าอี้สำนักงาน มีอยู่ 4 ประเภท คือผ้า หนังเทียม หนังแท้ และเป็นตาข่าย ซึ่งคุณสมบัติของหนังแท้และหนังเทียมไม่ต่างกันเท่าไหร่ แต่หนังแท้จะให้ความสวยงานและคงทนกว่า สำหรับความแตกต่างระหว่างผ้ากับหนัง หนังจะทำความสะอาดและดูแลรักษาง่ายกว่าผ้า แต่หนังเวลาที่เรานั่งจะร้อนและไม่สบายตัว ส่วนตาข่าย จะเน้นดีไซน์ที่เรียวบาง ดูทันสมัยและยังระบายอากาศได้ดี
ในการเลือกต้องคำนึงถึงความสูงของเก้าอี้สำนักงาน เพราะเก้าอี้สำนักงาน
ส่วนใหญ่จะมีขนาด 38-43 เซนติเมตร โดยวิธีการพิจารณาหรือเลือกความสูงของเก้าอี้ที่เมื่อสามารถให้วางมือลงแล้วต้องปรับความสูงของเก้าอี้ให้สามารถเท้ามือบนโต๊ะอย่างสบายเท้าวางแนบกับพื้น เวลานั่งขาต้องไม่ลอย สังเกตจากเวลานั่ง ควรให้ระดับเข่าสูงกว่าสะโพกเล็กน้อย

วิธีการดูแลรักษา บุหรี่ไฟฟ้า POD ให้ยืดอายุการใช้งานได้นาน

ต้องบอกว่าบุหรี่ไฟฟ้ากับวัยรุ่นสมัยนี้ เป็นของที่คู่กันเลยก็ว่าได้ จะเห็นคนสูบเยอะเป็นพิเศษ ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย อย่างไรก็ตามสำหรับผู้ที่อยากจะเล่นบุหรี่ประเภทนี้ สิ่งที่ควรทำเป็นอันดับแรกก็คือเข้าใจวิธีใช้งานที่ถูกต้อง เพื่อไม่ให้เกิดอันตราย และเข้าใจวิธีการดูแลรักษาให้ใช้งานได้นานๆ เนื่องจากบุหรี่ไฟฟ้าเป็นของที่มีราคาแพงพอสมควร และยิ่งถ้าเป็น บุหรี่ไฟฟ้า POD ที่กำลังฮิตกันอยู่ในขณะนี้ ราคาก็จะแพงตามแบรนด์ที่เราเลือกไปด้วย ดังนั้นการใช้งานจึงต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ สำหรับท่านใดที่สนใจอยากได้บุหรี่ไฟฟ้ามาไว้ใช้งาน มาดูกันก่อนว่าเราจะดูแลรักษาอย่างไรบ้าง ให้คุ้มค่ากับเงินที่เสียไป

ชาร์จไฟให้เต็มทุกครั้ง
เพื่อเป็นการยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ ให้ใช้งานได้ตามอายุจริงของมัน ในการใช้งานแต่ละครั้งควรชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็มก่อนเสมอ และในตอนที่ซื้อมาครั้งแรก ก็ควรชาร์จไฟให้เต็มก่อน แล้วค่อยใช้ เพื่อให้แบตเตอรี่ได้เก็บไฟเต็มประสิทธิภาพของมัน

ไม่ควรชาร์จเกินจำเป็น
บางท่านอาจจะคิดว่าการชาร์จไฟยิ่งแยะเท่าไหร่ก็จะได้ไฟเยอะเท่านั้น แต่ความจริงแล้วไม่จำเป็น สำหรับท่านใดที่ชอบชาร์จไฟทิ้งไว้ข้ามคืน ขอเตือนเลยว่าห้ามทำ นอกจากจะทำให้แบตเตอรี่เสื่อมแล้ว ยังเสี่ยงที่จะเกิดอันตรายได้ด้วย

ระวังอย่าให้ตก
ในการใช้งานแต่ละครั้ง ควรระมัดระวังอย่าให้ บุหรี่ไฟฟ้า pod ตกเป็นอันขาด เพราะอาจจะทำให้หน้าจอแสดงผลแตก หรือไม่ก็ทำให้ระบบที่อยู่ด้านในเกิดความเสียหาย หรือแบตเตอรี่พังได้ ดังนั้นการเก็บหรือวางหลังใช้งาน ต้องวางให้ดีทุกครั้ง

อย่าควรเก็บไว้ในบริเวณที่มีน้ำหรือความชื้น
เนื่องจากบุหรี่ไฟฟ้าเป็นอุปกรณ์ที่ต้องใช้ไฟฟ้าในการทำงาน เพราะฉะนั้นเวลาใช้งานจึงต้องระมัดระวังเกี่ยวกับเรื่องน้ำเป็นพิเศษ เพราะอาจจะทำให้วงจรด้านในของบุหรี่ไฟฟ้าเกิดความเสียหายได้นั่นเอง หากตกน้ำเมื่อไหร่แนะนำว่าอย่าเพิ่งเอามาใช้เป็นอันขาด ให้ทำการซ่อมให้เรียบร้อยก่อน เพื่อป้องกันอันตราย

ทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ
การทำความสะอาดก็เป็นการยืดอายุการใช้งานบุหรี่ไฟฟ้าของเราได้เช่นกัน ดังนั้นหลังใช้เสร็จทุกครั้ง ควรทำความสะอาดให้เรียบร้อยก่อนเก็บ โดยเฉพาะตรงส่วนที่เป็นปากสูบ ที่มักจะเป็นแหล่งสะสมของสิ่งสกปรกอยู่เสมอ ให้ทำความาสสะอาดบ่อยๆ ได้ยิ่งดี

ใช้น้ำยาให้เหมาะสม
บุหรี่ไฟฟ้าพอดแต่ละแบบ จะใช้กับน้ำยาไม่เหมือนกัน บางชนิดเหมาะกับน้ำยาแระเภท Free Base อย่างเดียว บางชนิดเหมาะกับน้ำยา Salt Nic เพราะฉะนั้นในการเลือกซื้อน้ำยา ควรทำความเข้าใจก่อนว่าบุหรี่ไฟฟ้าที่เราใช้นั้น เหมาะกับน้ำยาประเภทไหน จะได้เลือกใช้ให้ถูกต้อง เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายกับอุปกรณ์

สรุป
บุหรี่ไฟฟ้า POD เป็นระบบที่ใช้งานง่ายมาก ซึ่งดึงดูดผู้คนด้วยปัจจัยขนาดกะทัดรัดนั้น และให้ไอระเหยที่คล้ายกับบุหรี่อย่างมาก ซึ่งเหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่เปลี่ยนจากการสูบบุหรี่แบบดั้งเดิมมาใช้บุหรี่ไฟฟ้า POD แทน ใช้งานได้ทุกรูปแบบ กำลังไฟก็ให้มามากพอสำหรับการใช้งานจริง แถมยังได้เครื่องที่มีขนาดเล็ก กะทะรัด น้ำหนัก พกพาไปไหนก็ง่าย ใส่กระเป๋าก็สบายอีกทั้งยังใช้งานง่าย ไม่ต้องนั่งพันลวดเปลี่ยนสำลีให้เสียเวลา หากคุณกำลังมองหา บุหรี่ไฟฟ้า แบบพกพาใหม่เราขอแนะนำระบบ pod เพื่อสำหรับผู้พึ่งเริ่มต้นใช้งานหรือใช้ในขณะเดินทาง